ราก คือ อวัยวะที่เป็นส่วนประกอบของพืชที่อยู่ในดิน รากบางชนิดรับประทานได้ เช่น แครอท มันเทศ มันฝรั่ง รากไม่มีคลอโรฟิลล์ ไม่มีข้อปล้อง ตาและใบ รากเจริญเติบโตตามแรงดึงดูดของโลกลงสู่ดิน มีขนาดและความยาวแตกต่างกัน รากของพืชมีหลายชนิด ได้แก่
1.1 รากแก้ว เป็นรากที่งอกออกมาจากเมล็ด โคนของรากแก้วจะมีขนาดใหญ่แล้วค่อย ๆ เรียวไปจนถึงปลายราก
1.2 รากแขนง เป็นรากที่แตกออกมาจากรากแก้ว จะเจริญเติบโตขนาน ไปกับพื้นดิน และสามารถแตกแขนงไปได้เรื่อย ๆ
1.3 รากฝอย เป็นรากที่มีลักษณะและขนาดโตสม่ำเสมอกัน จะงอกออกมาเป็นกระจุก
1.4 รากขนอ่อนหรือขนราก เป็นขนเส้นเล็ก ๆ จำนวนมากมายที่อยู่ รอบ ๆ ปลายราก ทำหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุ
รากของพืชสามารถจำแนกได้ 2 ระบบ ได้แก่ ระบบรากแก้วและระบบรากฝอย มีรายละเอียด ดังนี้
1. ระบบรากแก้ว หมายถึง ระบบรากที่มีรากแก้วเป็นรากหลักเจริญเติบโตได้เร็ว ขนาดใหญ่และยาวกว่ารากอื่น ๆ และมีรากแขนงแตกออกมาจากรากแก้ว ที่ปลายรากแขนงจะมีรากขนอ่อนงอกออกมา เช่น รากผักบุ้ง รากมะม่วง เป็นต้น
2. ระบบรากฝอย หมายถึง ระบบรากที่มีรากฝอยเป็นจำนวนมาก ไม่มีรากใดเป็นรากหลัก มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ แผ่กระจายออกไปโดยรอบ ๆ โคนต้น ที่ปลายรากฝอยจะมีรากขนอ่อนงอกออกมา เช่น รากข้าวโพด รากหญ้า รากมะพร้าว เป็นต้น
หน้าที่ของราก มีดังนี้
1. ยึดลำต้นให้ติดกับพื้นดิน
2. ดูดน้ำและธาตุอาหารที่ละลายน้ำจากดิน แล้วลำเลียงขึ้นไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยผ่านทาง ลำต้นหรือกิ่ง
นอกจากนี้รากพืชอีกหลายชนิดยังทำหน้าที่พิเศษต่าง ๆ อีก เช่น
1) รากสะสมอาหาร เป็นรากที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บสะสมอาหาร ไว้สำหรับลำต้น เช่นรากมันแกว รากแครอท และรากมันสำปะหลัง เป็นต้น
2) รากค้ำจุน เป็นรากที่ทำหน้าที่ช่วยค้ำและพยุงลำต้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ลำต้น เช่น รากโกงกาง รากข้าวโพด เป็นต้น
3) รากยึดเกาะ เป็นรากที่แตกตามข้อหรือลำต้น สำหรับยึดเกาะลำต้นหรือกิ่งไม้อื่น เช่น รากพลูด่าง
4) รากสังเคราะห์แสง พืชบางชนิดมีสีเขียวตรงปลายของรากไว้สำหรับสร้างอาหาร โดยวิธีการสังเคราะห์ด้วยแสง เช่น รากกล้วยไม้ รากไทร เป็นต้น
5) รากหายใจ เป็นรากที่งอกอยู่ใต้ดินและตั้งตรงโผล่ขึ้นมาเหนือดินและน้ำ ช่วยในการหายใจ เช่น รากแสม รากลำพู เป็นต้น